079

Nissan Promises Self-Driving Car Tech by 2020

Summary
Self –Driving Car อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถ้ายังจำกันได้ทาง Google ก็ได้เคยนำเสนอ Self –Driving Car มาก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมทั้งมีการวิ่งทดสอบบนถนนจริงเป็นผลสำเร็จ ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ตลาดรถยนต์เริ่มสนใจและพัฒนาเทคโนโลยีของ Self –Driving Car กันเป็นการใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Toyota หรือ Audi แต่ก็ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าจะสามารถผลิต Self –Driving Car ออกจำหน่ายได้จริงเมื่อไร หรือแม้แต่ทางGoogleเอง ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาในการทำสํญญากับผู้ผลิตรายใหญ่ที่จะมาผลิตรถให้กับทางGoogle ซึ่งในขณะที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีบริษัทไหนที่พร้อมสำหรับSelf –Driving Carเลยนั้น Nissan กลับกล้าที่จะออกมาสัญญาว่าจะผลิต Self –Driving Car ออกมาภายในปี 2020 โดยในขณะนี้ทางNissanได้เริ่มทำการทดลองระบบ Self –Driving Carแล้ว โดย Self –Driving Car ของNissan นั้นจะต่างจาก Google ตรงที่ Self –Driving Car ของ Nissan นั้นจะไม่พึ่งพา External data link แบบGoogle

342477-cadillac-super-cruise-self-driving-technology.jpg?thumb=y

แนวคิดหลักในการพัฒนาระบบ Self –Driving Carมาจากการที่ต้องการลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยทางNissanได้กล่าวว่า มีอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นมากถึง 6 ล้านครั้งต่อปี ในสหรัฐอเมริกา ทำให้รัฐต้องสูญเงินไปถึง 160,000,000,000 USD โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุนั้นเกือบทั้งหมดเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ซึ่งหารนำเทคโนโลยี Self –Driving Car มาใช้จะช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ อีกทั้งทางNissanยังให้สัญญากับผู้บริโภคว่า Self –Driving Car ของ Nissan นั้นจะมีราคาที่ผู้คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ เป็นการตอบปัญหาก่อนหน้านี้ที่ผู้คนสงสัยว่าถึงจะสามารถผลิต Self –Driving Car ออกมาได้จริงแต่ถ้าราคาสูงมากจะมีคนใช้หรือ

images?q=tbn:ANd9GcRD3IIRJUgq0q9dum8dQ1KQfkef01I7FL_8MR0QwoOyCFWdXWSC

Analysis
ซึ่งจากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี Self –Driving Car นั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก โดยมีจุดแข็งอยู่ที่ความสะดวกสบาย เพราะในปัจจุบันการขับรถนั้นเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการฝึกฝน และประสบการณ์ จึงจะสามารถทำได้ดี ประกอบกับสภาพของผู้ขับขี่ที่ต้องมีความพร้อมสมบูรณ์เต็มที่ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ผู้ขับขี่ทุกคนเป็นเช่นนั้นได้ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยลดอุบัติเหตุ อีกทั้งยังช่วยในส่วนของผู้มีปัญหาทุพลภาพทางร่างกาย ให้สามารถขับรถได้เหมือนคนปกติทั่วไปช่วยให้พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้มากขึ้น
แต่ถึงยังไงเทคโนโลยี Self –Driving Car ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ในส่วนความเชื่อมั่นของผู้ขับขี่ที่มีต่อระบบ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชีวิตผู้คน ทางNissan จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากแค่ไหนนั้นต้องดูกันต่อไปว่าทางNissanจะมีกลยุทธ์อย่างไร และอีกจุดอ่อนที่สำคัญคือเรื่องการ Maintenance เพราะเมื่อมีการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ ยามเกิดปัญหาขึ้นการซ่อมแซมอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายสูง
ในเรื่องโอกาสความเป็นไปได้และความสำเร็จของเทคโนโลยี Self –Driving นั้น ถ้ามองจากข้อมูลของทางNissanและเทคโนโลยีในปัจจจุบันแล้วมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถพัฒนาออกมาได้ก่อนปี 2020 เพราะในปัจจุบันก็มีระบบถอยจอดอัตโนมัติ ที่มีระบบการทำงานใกล้เคียงกับ Self –Driving Car ที่ผู้ขับขี่ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมอะไรเลย ส่วนในเรื่องโอกาสประสบความสำเร็จของ Self –Driving Car ในเชิงธุรกิจนั้น โอกาสสำเร็จน่าจะมีสูง เนื่องจากเป็นสิ่งมีมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอยู่แล้ว
สุดท้ายในส่วนของอุปสรรคของการพัฒนาระบบ Self –Driving Car น่าจะเป็นในเรื่องของราคา เพราะสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีสูงๆ โดยส่วนมากย่อมมีราคาสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากว่าทางNissanจะสามารถทำให้ราคาของ Self –Driving Car ต่ำลงมาได้เท่าไร เนื่องจากหากมีราคาสูงมากเกินไปก็จะไม่มีคนซื้อ

Nissan-EVP-Palmer-with-Autonomous-Leaf.jpg

Reference
http://www.pcmag.com/article2/0,2817,2423689,00.asp
http://autos.yahoo.com/blogs/motoramic/nissan-becomes-first-automaker-promise-self-driving-cars-181703754.html

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License