46

นายธนันท์ เอื้อศิรินุเคราะห์
ID. 5510211046 RMBA 70
IT Report2: Million Dollar CIOs

ในขณะนี้ จำนวนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ (Chief Information Officer) ที่มีเงินเดือนและโบนัสรวมกันสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งบรรดา CIOs เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักเนื่องจากการจ่ายค่าตอบแทนให้กับพวกเขาไม่จำเป็นต้องถูกเปิดเผยในรายงานของบริษัทมหาชน และยิ่งถ้าเป็นบริษัทเอกชนทั่วไปแล้วก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งผลตอบแทนของพนักงานให้สาธาณชนทราบ ข้อเท็จจริงที่ว่าจำนวนของผู้บริหารทางด้านเทคโนยีสารสนเทศ(IT)ที่ได้ผลตอบแทนจำนวนมหาศาลนั้นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่างานที่พวกเขากำลังทำนั้นมีความสำคัญมาก,ความสามารถของพวกเขาในการถ่ายทอดคุณค่าที่พวกเค้าและทีมงานของพวกเขามีให้กับบริษัท,และบทบาทสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ IT ต่อภาคธุรกิจ

flickr:10685188846

Table1: Janco Associates ได้รวบรวมรายชื่อ CIOs 15 คน ที่มีได้รับผลตอบแทนมากกว่า 1ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2012

จาก Table1 มีแนวโน้มที่น่าสนใจบางอย่าง คือมากกว่าครึ่งหนึ่งของตารางนี้(8 ใน15 คน) เพิ่งได้รับตำแหน่งอื่นนอกเหนือจากตำแหน่ง CIO ต่อท้ายชื่อในระหว่างปี 2012 แสดงให้เห็นว่า CIO ในปัจจุบันนี้ต้องรับบทบาทมากขึ้น จาก Table1 เราสามารถเข้าไปดูบทบาทที่เพิ่มขึ้นที่ว่านี้ได้:
ผู้นำสามคนในlist นี้ เป็นประธานของหน่วยงาน global business services นอกเหนือจากตำแหน่ง CIO อีกด้วย

• หมายเลขหนึ่งคือ Filippo Passerini, ผู้ซึ่งเป็นทั้ง CIO และประธานของ global business services ที่บริษัท Procter & Gamble

• หมายเลขสองคือ Rob Carter ,ผู้ซึ่งเป็นทั้ง CIO และ co-CEO ของ FedEx Corporate Services ในปี2012

• หมายเลขสิบคือ Elizabeth Hackenson, CIO และ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (Senior Vice President-SVP)ของหน่วยงาน Global Business Services ที่ AES Corporation.

ผู้นำสองคนใน list นี้รับหน้าที่บริหารที่กว้างกว่ากลุ่มแรก ซึ่งเปรียบเทียบได้กับการนำบทบาทของการให้บริการทั่วโลก (global services roles) ผนวกเข้ากับการให้บริการภายในที่หลากหลาย ( variety of internal services roles) ซึ่งตำแหน่ง Chief Administrative Officer (CAO) พึ่งเกิดขึ้นในหลายองค์กรแต่ก็มีบทบาทสำคัญขึ้นอย่างรวดเร็ว

• Richard Chapman ผู้ซึ่งเป็นทั้ง EVP,CAO,และCIO ที่ Kindred Healthcare คือหมายเลขสิบสองในlistนี้

• Darren Miller เป็น VP ในด้าน Information Technology และ Administration ที่ Quanta Servicesและอยู่ลำดับที่ 14 ใน list

ส่วนที่เหลือก็เป็นบทบาทส่วนเพิ่มแบบดั้งเดิมที่นำเอาจุดแข็งของ CIO มาปรับใช้กับส่วนอื่นๆขององค์กร

ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของพวกเขาที่อยู่กับองค์กรนั้นยาวนานกว่า 11 ปี ถ้านับถึงสิ้นปี 2012 สามคนแรกในlist นี้อยู่กับบริษัทของพวกเขาเป็นระยะเวลา 31,19,และ 33ตามลำดับ แต่ละคนนั้นเคยตำแหน่งต่างๆมากมายในหลากหลายความรับผิดชอบ สามคนอื่นในlist นี้ดำรงตำแหน่งน้อยกว่า 1 ปี ณ สิ้นปี2012 แต่อย่างไรก็ตามทั้งสามคนนั้นเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัทอื่นก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งCIO ในบริษัทพวเหล่านี้ ดังนั้นเส้นทางสำหรับการได้รับผลตอบแทนที่สูงนั้นมาจากการดำรงตำแหน่งCIO ผนวกกับการทำบทบาทอื่นๆที่หลากหลาย กุญแจสำคัญคือความหลากหลายของประสบการณ์จะนำไปสู่การสร้างสิ่งใหม่ๆในทางที่สร้างสรรค์ได้

นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสนใจที่จะต้องทราบว่าโดยเฉลี่ย 83% ของค่าตอบแทนของผู้บริหารเหล่านี้เกิดขึ้นจากโบนัสและ เอกสิทธิ์ต่างๆ (perks) เช่น stock options,เงินบำเหน็จ,และสิ่งอื่นๆที่คล้ายกัน เงินได้(salary)โดยเฉลี่ยต่อปีของกลุ่มนี้อยู่ที่ $463,219 ในขณะที่ผลตอบแทนจากเอกสิทธิ์ต่างๆเฉลี่ยอยู่ที่ $2,248,168.

มีความหลากหลายอย่างมากในด้านธุรกิจที่กลุ่มคนเหล่านี้ทำงานอยู่ อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมที่มีทั้งธุรกิจแบบ Business-to-Business (B2B) และ Business-to-Consumer (B2C) นี่เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้นำทางด้านIT จะเป็นคนสำคัญอย่างแท้จริงในทุกๆอุตสาหกรรม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะเป็นตัวผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าผู้บริหารด้าน IT ที่มีอายุน้อยแต่มีความทะเยอทะยานที่จะเดินตามรอยผู้บริหารเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งที่สูงส่งแต่เพราะความรับผิดชอบที่พวกเขามีให้กับองค์กร

บทวิเคราะห์

ในปัจจุบันนี้โลกของเราอยู่ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารหรือ The Information Age ตามนิยามของ Alvin Toffler ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลสารสนเทศและความรู้นั้นเป็นทรัพยากรที่มีความหมายอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจในยุคนี้ ทุกวันนี้โลกของเรามีข้อมูลจำนวนมหาศาลและเพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลาในโลกของ Internet ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคใดๆ ดังนั้นความสำคัญจึงไม่ใช่ใครมีข้อมูลมากกว่า หากแต่อยู่ที่ใครมีความสามารถจัดระเบียบและสังเคราะห์องค์ความรู้ที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจออกจากข้อมูลจำนวนมากที่ไม่ได้มีประโยชน์ และสามารถนำความรู้นั้นมาตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือบริหารจัดการการงานด้านต่างๆของธุรกิจได้ เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้มากพอที่จะแปลง data ให้เป็น information ประเด็นที่น่าสนใจก็คือการทำงานของบริษัทในยุคนี้มีการทำงานข้ามสายงานกันมากขึ้นเรื่อยๆ(Cross-functional) ซึ่งหมายความว่าเราต้องการระบบที่เชื่อมโยงคนในแผนกต่างๆ มาทำงานร่วมกันและช่วยกันตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ซึ่งIT ก็จะยิ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบูรณาการสิ่งต่างๆเหล่านี้ หากการดำเนินการผลิตในยุคอุตสาหกรรมไม่สามารถที่จะปราศจากเครื่องจักรฉันใด การดำเนินธุรกิจในยุคข้อมูลข่าวสารนั้น ก็ไม่สามารถที่จะปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศได้ฉันนั้น ดังนั้นองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีผู้บริหารที่จะเข้าใจถึงคุณค่าของ IT ที่มีต่อธุรกิจของตนเอง และสามารถผนวกเอาสิ่งเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์การทำธุรกิจขององค์กรได้ และบุคคลที่สำคัญที่สุดบุคคลหนึ่งในองค์กรก็ย่อมหนีไม่พ้น CIO นั้นเอง

ซึ่งจากบทความข้างต้นจะเห็นว่าจริงๆแล้วบุคคลเหล่านี้ผู้ซึ่งเป็น CIO ที่ประสบความสำเร็จนั้น หลายๆคนก็มีประสบการณ์ที่หลากหลายในเชิงธุรกิจก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่ง CIO นอกเหนือไปจากความรู้พื้นฐานเกี่ยวข้องกับการจัดการเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ เพราะจริงๆแล้วนั้นตำแหน่ง CIO ก็ไม่ใช่คนที่จะลงมาแก้ปัญหาทางเทคนิคหากแต่เป็นคนที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการนำ IT เข้ามาปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของการบริหารจัดการธุรกิจเป็นอย่างดี ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถจะทำให้คนๆนั้นเป็น CIO ที่ประสบความสำเร็จได้ คนที่จะทำงานเป็นผู้บริหารทางด้าน IT ในยุคใหม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ Business environment เป็นอย่างดี เพราะความต้องการทางด้านธุรกิจในปัจจุบันต่อฝ่าย IT นั้น ไม่ใช่แค่ความต้องการที่จะลดต้นทุนแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะต้องก้าวไปถึงระดับการผนวกเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสน สินค้า, บริการ, และBusiness model ใหม่ๆ องค์กรรูปแบบใหม่จะต้องเป็นองค์กรแห่งสารสนเทศและความรู้ (Information-based organization)ซึ่งส่งผลให้ในอนาคตคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น CEO น่าจะมาจากทางสายนี้มากขึ้นเนื่องจากความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

Reference
http://www.forbes.com/sites/peterhigh/2013/10/28/million-dollar-cios/

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License